“ผ้า” ที่นิยมนำมาใช้ในการทำผ้าม่านนั้นมีด้วยกันหลายชนิด อาทิเช่น
ผ้าม่าน (ผ้าทึบ) Curtain : ผ้าใช้ทำม่านตัวหลักในการตกแต่งบ้าน แต่ละห้องตามแบบม่านแต่ละแบบ เช่น ม่านจีบ ม่านพับ ผ้าโปร่ง Sheer : ผ้าใช้ทำม่านเสริมอีกชั้น ข่วยให้บ้านสวยงามยิ่งขึ้น เป็นผ้าใสบางและนุ่มให้ความรู้สึกนุ่มและเบา เหมาะสำหรับห้องที่ต้องการความรู้สึกโปร่งสบาย และความต้องการแสงมากขึ้น เนื่องจากผ้ามีน้ำหนักเบา จะพริ้วปลิวลม เวลาทำผ้าม่านจะต้องมีการถ่วงด้วยโซ่ให้ผ้าทิ้งตัว ผ้ากันแสง Blackout : ผ้าใช้ทำม่านเสริมเพื่อบังแสงให้ภายในบ้านมืดโดยเย็บติดกับม่านหลัก หรือแยกเย็บต่างหากก็ได้ ผ้ากันแสง (แบล็คเอ้าท์) เป็นผ้าหนาทับแสง มีหลายเนื้อผ้า เนื้อมันวาว เนื้อนุ่มแบบโฟม เนื้อแบบผ้าหนา มีหลายสี เช่น สีดำ สีเงิน (สีตะกั่ว) สีเทา สีน้ำเงิน ส่วนมากทำจาก Polyester Polymer มักใช้เย็บซับด้านหลังผ้าม่าน เพื่อกันความร้อนและกันแสง กรณีที่ต้องการให้ห้องมืดสนิท มักใช้กับห้องนอน สามารถเย็บแยกเป็นผ้าม่านอีกชั้นก็ได้ ใช้เย็บซับด้านหลังผ้าม่านมี่มีเนื้อบาง ปัจจุบันผ้าแบล็คเอ้าท์มีแบบที่เป็นผ้าม่านมีแบล็คเอ้าท์ในตัว ใช้เย็บเป็นม่านจีบ ม่านพับ ม่านแบบอื่นๆได้ ชั้นเดียวไม่ต้องเย็บซับหลัง คือเป็นแบบทูอินวัน เป็นม่านกันแสงในตัว ประหยัดดี ผ้าแบล็กเอ้าท์ มีคุณสมบัติ พิเศษในการบดบังแสงแดด หรือแสงสว่างที่สาดส่องเข้ามาภายในห้องยามกลางวัน มากถึง 99% เนื้อผ้าที่มีส่วนผสมของโพลีเอสเตอร์และสารป้องกันแสงแดด และความร้อนอย่างดี จึงสามารถป้องกันสีพื้นไม้ปาเก้ เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ รวมทั้ง พรมปูพื้นไม่ให้ซีดจางก่อนอายุการใช้งานอันควร ผ้าซับหลัง Backing : เป็นผ้าเนื้อบางใช้เย็บซับหลังผ้าม่าน เพื่อเพิ่มความหนาให้กับผ้าม่านที่มีเนื้อบาง หรือต้องการเพิ่มความทึบ กันแสง แต่จุดประสงค์หลักคือช่วยป้องกันเนื้อผ้าให้คงทน สวยงามสีไม่ซืดจาง กรณีที่โดนแสงแดดจัดๆ ผ้าเย็บม่านเสริมด้านหลังช่วยรักษาเนื้อผ้าให้ทดทาน ทำให้ผ้าม่านสีไม่ซืดจาง ช่วยให้ม่านมีน้ำหนักทิ้งตัวมากขึ้น ผ้าโพลีเอสเตอร์ : ผ้าโพลีเอสเตอร์ ผลิตจากเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์ ที่มีความแข็งแรงทนทาน มีความมันวาวดูแล้วสวยงาม แตกต่างจากผ้าประเภทอื่นๆ มีเอกลักษณ์ เฉพาะตัวกับสีสันต่างๆ บนเนื้อผ้าที่สดใส ที่ดูแล้วเหมือนผ้าเปลี่ยนสีเองได้แล้วแต่มุมแสง
การเลือกผ้าม่านเนื้อต่างๆมาทำผ้าม่าน
“ผ้าจากเส้นใยธรรมชาติ”
ผ้าจากเส้นใยพืชเช่นผ้าฝ้าย, ผ้าลินิน, ผ้าปอป่าน และอื่น ๆ ผ้าชนิดนี้มีการดูดซึมความชื้นที่ดีและความต้านทานความร้อนดี
ช่วยให้บ้านเย็นสบาย ไม่ร้อน แต่มักเก็บฝุ่น มีความยืดหยุ่นดี แต่จะเกิดริ้วรอยได้อย่างง่ายดาย ยับง่ายผ้าจากเส้นใยสัตว์อาทิเช่นผ้าไหม, ขนสัตว์ ฯลฯ เนื้อผ้าความยืดหยุ่น แต่ทนน้ำไม่ดีโดนน้ำจะเป็นรอยด่าง เก็บความร้อน เก็บฝุ่น“ผ้าจากเส้นใยสังเคราะห์”
เป็นผ้าทอจากเส้นใยที่สร้างขึ้นจากกระบวนการทางเคมีเช่น ไนลอน โพลีเอสเตอร์ และอะคริลิค ผ้าชนิดนี้เหมาะที่จะทำจีบถาวร ไม่ค่อยจับฝุ่น เนื้อผ้ามีความคงทน แต่ควรระวังเรื่องความร้อนและไฟ ถ้าโดนความร้อนมากผ้าจะกรอบ หดตัว หรือมีรอยคล้ายรอยไหม้
ผ้าม่าน Curtain
ผ้าที่จะนำมาทำผ้าม่านตัวหลัก หรือบางครั้งเรียกว่าผ้าทึบนั้น ตัวผ้าเองมีหลาpเนื้อผ้า มีคุณสมบัติและความสวยงามแตกต่างกันไป เช่น ผ้าไหม Silk เป็นผ้าเนื้อบาง มีความเงางาม ดูมีราคามีค่า เนื้อผ้าไม่ค่อยทิ้งตัว เย็บจีบคงทนแต่ยับง่าย
ผ้ากำมะหยี่ Velvet : เนื้อผ้าค่อนข้างหนา ผิวสัมผัสนุ่ม ดูหรูหรา เนื้อผ้าทิ้งตัวดี ไม่นิยมรีดจีบ ปล่อยลอนธรรมชาติ ผ้าฝ้าย Cotton : เนื้อผ้ามีทั้งแบบบาง แบบหนา เนื้อผ้านุ่ม สีผ้าออกด้านไม่เงา ดูเรียบง่ายสบายตา แต่จะอมฝุ่น ผ้าซาติน Satin : เนื้อผ้าค่อนข้างหนา ผิวผ้าลื่นเป็นเงา เรียบหรู ตัวผ้ามีน้ำหนัก ทิ้งตัวดี ผ้าลินิน Linen : เนื้อผ้าหนา ผิวผ้าค่อนข้างหยาบ ออกแนวธรรมชาติ เย็บม่านจีบเป็นลอนสวย แต่จะดูพองๆแข็งๆ ผ้าใยสังเคราะห์ Polyester ผ้า Nylon : เนื้อผ้ามีหลายชนิด ทั้งหนา บาง นุ่ม หยาบ แล้วแต่ส่วนผสมของเส้นใยที่นำมาทอรวมกัน ส่วนมากมีผิวออกมันวาว ใช้ทำม่านสวยดี แต่ถ้าโดนแดดจัดๆ สีจะซีดจาง เย็บเป็นม่านจีบ จีบสวยคงทน ผ้าใยผสม Polyester ผสม Cotton
๐ Polyester ผสม Cotton ผสม Polypropylene
๐ Polyester ผสม Linen
๐ Polyester ผสม Viscose
๐ Polyester ผสม Lurex
ผ้าม่าน นอกเหนือจากหน้าที่หลักของม่านที่ช่วยปกป้องแสงแดด และช่วยให้ความเป็นส่วนตัวแก่เราแล้ว ผ้าม่านยังช่วยสร้างบรรยากาศแบบต่างๆได้ เช่น บรรยากาศแบบอ่อนโยน แบบเคร่งขรึม แบบสดใส แบบโมเดิร์น ฯ ที่สำคัญคือ ช่วยสร้างทัศนียภาพที่สวยงามให้บ้าน
แบบผ้าม่านที่นิยม มี 2 แบบ คือ
ม่านที่ทำงานโดยการยกขึ้นลงได้แก่ ม่านพับ : ผ้าลายทาง หรือผ้าสีพื้น ทำม่านแบบนี้สวย ถ้าเป็นผ้าลายดอกทำม่านชนิดนี้จะไม่ค่อยสวย จุดเด่นของม่านชนิดนี้ คือผ้าจะไม่ไปกองอยู่ข้างๆ เหมาะสำหรับห้องที่ต้องการความเรียบออกสไตล์โมเดิร์น การควบคุมแสงของม่านชนิดนี้ จะสามารถความคุมแสง เมื่อเปิด – ปิด (การยกขึ้น-ลง) แสงที่ได้จะเป็นแสงที่ค่อนข้างมีความเข้มขึ้นอยู่กับผ้าที่ใช้ด้วย แต่ความเป็นส่วนตัวค่อนข้างมาก แต่ม่านชนิดนี้มีข้อเสียคือมีแสงลอดออกมา ระหว่างรอยต่อของม่าน กรณีที่ทำ 2 ชุดต่อกัน และถ้าทำชุดใหญ่มากๆ จะไม่สวย ม่านที่ทำงานเปิด-ปิดแบบแยกกลาง เปิดซ้่ายหรือเปิดขวา : ม่านชนิดนี้เป็นม่านที่สามารถบังแสง และเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ดี สามารถควบคุมแสง จัดการกับระดับแสงได้ โดยเลือกเปิดกว้างห้องจะสว่างมาก เปิดน้อยหรือเปิดแคบห้องจะสว่างน้อย จุดเสียของม่านแบบนี้คือเวลาเปิดม่าน จะมีม่านมากองรวมกันด้านข้างทำให้ดูรกหรือเกะกะ ผนังด้านช้างห้องที่เป็นประตูหรือหน้าต่าง ถ้ามีพื้นที่น้อยเวลาเปิดม่าน จะบังประตู-หน้าต่างบางส่วน ควรเลือกใช้รางม่านให้เหมาะสมกับเนื้อผ้าและแบบม่าน
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก : OK Nation